ตอนที่ 11
“มันแค้นอะไรฉันขนาดนั้นคะ มันดูไร้เหตุผลสิ้นดี”
“สำหรับผู้หญิงคนนี้...ความแค้นของเธอไม่มีเหตุผลหรอกครับ หรือ...อาจจะมีเหตุผลที่เราคาดไม่ถึงก็ได้”
บทวิเคราะห์ของศรุตทำให้พวกรัชนกที่แอบฟังแอบดูทุกอย่างในคอนโดมุนินทร์เต้นผาง ทั้งโมโหทั้งขัดใจที่ทุกอย่างไม่เป็นตามแผน ประพงษ์เห็นว่าควรดึงฤทัยออกจากวงโคจรพวกมุนินทร์ถ้าไม่อยากถูกจับได้แต่
รัชนกไม่คิดเช่นนั้น เชื่อว่าตัวเองจะมีแผนแก้สถาน–
การณ์ครั้งนี้ได้
ooooooo
นพนภาคิดไม่ตกเรื่องมุนินทร์กับศรุต ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งทฤษฎีของนภางค์แต่หลักฐานก็มีให้เห็นเรื่อยๆจนเริ่มเอนเอียง สาวใหญ่คิดมากจนนอนไม่หลับต้องมานั่งครุ่นคิดถึงบทสนทนากับแม่เมื่อเย็น
“แม่คะ...คราวนั้นเรื่องก็เฉลยหมดแล้วว่า
นังรัชนกกับนังเนตรนภิศมันร่วมมือกันทำให้หนูเข้าใจมุนินทร์ผิด หนูหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆแทบจะสู้หน้าคนไม่ได้ นี่แม่จะให้หนูกลับมาหน้าแตกซ้ำสองอีกเหรอคะ”
“จะแตกกี่ครั้งถ้ามันเป็นเรื่องความพยาบาทของนังมุนินทร์ แกจะอยู่เฉยไม่ได้หรอกนะ”
“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะว่ามุนินทร์คิดจะแย่งคุณภพ คุณศรุตจากหนู”
“หลักฐานทนโท่อย่างนี้แกยังปฏิเสธอีกเหรอ เรื่องนายภพน่ะเห็นชัดๆแล้ว แอบคบหากันไม่ให้แม้แต่นายกิจรู้ ส่วนนายศรุต...พอแกเริ่มมีความสัมพันธ์กับ
นายนี่ นังมุนินทร์ก็เข้าเป็นมือที่สามทันที มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก”
“แม่คะ...อย่าทำให้หนูสับสนไปกว่านี้เลย มุนินทร์กับวีกิจเขารักกันไม่มีทางเป็นอย่างอื่นหรอกค่ะ”
“ฉันสรุปแบบฟันธงเลย นังมุนินทร์ไม่ได้รักนายวีกิจ ไม่ได้รักผัวแก นายศรุตหรือใครทั้งนั้น ที่เข้ามาบ้านเราเพราะความแค้นอย่างเดียว...แค้นที่พวกเราทำให้น้องสาวฝาแฝดของมันฆ่าตัวตายไงล่ะ...ตายพร้อมลูกในท้องด้วย”
นภางค์สันนิษฐานเป็นตุเป็นตะ ยิ่งเห็นลูกสาวอึ้งยิ่งอดใจไม่ไหวโพล่งสิ่งที่ปักใจ
“ขั้นแรกมันเล่นงานนายวีกิจก่อน สร้างเรื่องให้นังเด็กทัยเข้ามาอยู่ร่วมบ้านทั้งที่ข้าวใหม่ปลามัน เมียสติดีที่ไหนเขาทำกัน แถมกำลังจะไปฮันนีมูนอยู่แล้วต้องเลิกกลางคันจนไอ้ผัวแทบบ้าตาย”
“มุนินทร์เป็นห่วงเด็กนี่คะ”
“ห่วงเด็กก็ส่งไปอยู่บ้านสงเคราะห์สิ ให้มาอยู่ใกล้ชิดผัวทำไม จากนั้นก็กล่าวหาผัวว่าเล่นชู้กับเด็ก
บ้านจะได้แตก ตัวเองก็ลอยนวล แล้วเล่นแผนสองต่อโดยมีแกเป็นเหยื่อคนต่อไป!”
นพนภาส่ายหน้าไม่เชื่อ “มุนินทร์จะทำอะไรหนูได้”
“อ้าว...การที่มันแย่งนายศรุตจากแก แย่งความรักทุกอย่างที่แกมี มันตั้งใจให้แกสติแตกแล้วอาจจะส่งผลไปถึงลูกๆแกอย่างคราวที่แล้วก็ได้”
“แม่คะพอเถอะ หนูไม่อยากฟังแล้ว”